บริษัท มาสเตอร์ทีม จำกัด

คปภ. เผยเร่งดำเนินการประสานบริษัทประกันภัย จ่ายค่าสินไหมทดแทนทายาทผู้เสียชีวิตและดูแลค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บกรณีรถตู้ประสบอุบัติเหตุที่ จังหวัดเลย

นางสาววราวรรณ เวชชสัสถ์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ. ได้เร่งดำเนินการประสานกับบริษัทประกันภัยให้ทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทน แก่ทายาทผู้เสียชีวิต กรณีรถตู้ประสบอุบัติเหตุ ที่จังหวัดเลย รวมถึงประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้บาดเจ็บ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษาพยาบาล

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และได้ประสานบริษัทประกันภัย เพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร็ว” รองเลขาธิการ คปภ. กล่าว

สำหรับอุบัติเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ขณะที่รถตู้หมายเลขทะเบียน นข 5146 อุบลราชธานี กำลังมุ่งหน้าไปอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เกิดเสียหลักตกลงข้างทางชนต้นไม้บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 164-165 บ้านหนองหิน อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย เป็นเหตุให้มีเสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย

นางสาววราวรรณ กล่าวว่า เบื้องต้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดเลย รายงานว่า รถตู้คันดังกล่าว มีประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) และได้ประสานบริษัทประกันภัย และโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งติดต่อทายาทผู้เสียชีวิตในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ในกรณีผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับชดเชยค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินรายละ 50,000 บาท และได้รับค่าชดเชยในกรณีรักษาตัวในสถานพยาบาลวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน ส่วนกรณีผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 200,000 บาท

รองเลขาธิการ คปภ กล่าวเสริมว่า สนง. คปภ. ได้เร่งประสานบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทผู้เสียชีวิตด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเบื้องต้นทายาทผู้เสียชีวิตจะไปขอรับค่าสินไหมทดแทน ที่บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) สาขาจังหวัดอุบลราชธานี การทำประกันภัยตาม พ.ร.บ. จะช่วยบรรเทาความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ สำนักงาน คปภ. จึงขอให้เจ้าของรถทุกคันตรวจสอบการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ทั้งนี้ถ้าไม่ทำประกันภัยรถภาคบังคับนอกจากมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท แล้วยังต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

ที่มา : http://www.oic.or.th/